การสืบทอดและการปรับเปลี่ยนความหมาย “ชาติไทย”
และ
“ความเป็นไทย”
ธงชาติ |
โดยปัญญาชนภายหลังการปฏิวัติ
พ.ศ.2475: หลวงวิจิตรวาทการ
ความนำ
ภายหลังการปฏิวัติ
พ.ศ.2475 การนิยาม “ชาติไทย”
และ “ความเป็นไทย” โดยปัญญาชนในระบบอบใหม่ มิได้เปลี่ยนแปลงมากถึงระดับที่รื้อถอน หรือเบียดขับความหมายเดิม
ตรงกันข้าม
แม้จะมีการเสนอความคิดใหม่บางประการขึ้นมาเพื่อตอบสนองบริบททางการเมืองที่เปลี่ยนไป
แต่ความคิดใหม่เหล่านั้น ก็มิได้ขัดแย้งกับความคิดเดิม และนับตั้งแต่ทศวรรษ
2490 เป็นต้นมา กลับมีความพยายามในการรื้อฟื้นความหมายเดิมของ “ชาติไทย” และ “ความเป็นไทย”
ที่ทำให้วิธีคิดเกี่ยวกับ “สังคมและวัฒนธรรมไทย”
ของคนไทยไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนระบอบการปกครองมากนัก จนกล่าวได้ว่า
มีความสืบเนื่องของวิธีคิดเกี่ยวกับ “สังคมและวัฒนธรรมไทย”
ในช่วงก่อนและหลังการปฏิวัติ พ.ศ.2475 เป็นอย่างมาก
จะเห็นได้ว่า “ความเป็นไทย” ที่ได้รับการเน้นในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไม่เกี่ยวกับเรื่อง “เชื้อชาติ” หรือการสืบสายเลือดโดยตรง
แต่การเรียกชื่อชาติว่า “ไทย” และความจำเป็นในการเขียนประวัติศาสตร์เพื่อยืนยันความสำคัญของพระมหากษัตริย์ต่อ
“ชาติไทย”/”เมืองไทย” โดยเน้นความสำเร็จของพระมหากษัตริย์ในอดีตในการกอบกู้และรักษาเอกราชของชาติ
ตลอดจนพระราชกรณียกิจในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่ “ชาติไทย”/”เมืองไทย” มาอย่างยาวนาน ก็ทำให้จำเป็นต้องให้ความสำคัญแก่เรื่องการสืบสายเลือดของชนชาติไทยอยู่ด้วย
หนังสือเรื่อง “หลักไทย” ของขุนวิจิตรมาตรา
ซึ่งเน้นการสืบสายเลือดของคน “เชื้อชาติไทย” อันทำให้ “ชาติไทย” มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางเชื้อชาติมาแต่โบราณ
จึงได้รับการตัดสินให้เป็นหนังสือดีและได้รับพระราชทานรางวัลจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
หนังสือเรื่อง “หลักไทย” ซึ่งได้รับการเขียนขึ้นในปี พ.ศ. 2471 และภายใน 7 ปี หนังสือนี้ได้รับการตีพิมพ์ซ้ำถึง 7
ครั้ง นับเป็นหนังสือสำคัญที่ทำให้แนวคิดเรื่อง “เชื้อชาติ” ในแง่ของการสืบสายเลือดของชนชาติไทยมีอิทธิพลอย่างกว้างขวาง
เพราะเล่าถึงเรื่องราวของชนชาติไทยตั้งแต่สมัยโบราณที่อพยพมาจากตอนใต้ของจีน และสืบสายเลือดกันมาจนถึงปัจจุบัน
โดยเน้นคุณลักษณะของชนชาติไทยที่มีความกล้าหาญ ความสามัคคี และความเสียสละในการต่อสู้เพื่อรักษาอิสรภาพของชาติ
ไม่ยอมตกเป็นข้าของชาติใด
การเน้นเรื่องการสืบสายเลือดยังเห็นได้ชัดในเนื้อร้อง “เพลงชาติไทย” ที่ขุนวิจิตรมาตราแต่งใน
พ.ศ.2475 และกลายเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมก่อนหน้าที่จะเกิดเพลงชาติฉบับทางการเป็นเวลาหลายปี “เพลงชาติไทย” ของขุนวิจิตรมาตรานี้มีความว่า
คนไทย “สืบเผ่าไทยดึกดำบรรพ์โบราณลงมา...อันดินสยามคือว่าเนื้อของเชื้อไทย น้ำรินไหลคือว่าเลือดของเชื้อข้า ในขณะที่นายฉันท์
ขำวิลัย ก็ได้แต่งเพลงชาติที่มีเนื้อร้องคล้ายกัน คือ “เหล่าเราทั้งหลายเลือดและเนื้อเชื้อชาติไทย ซึ่งสะท้อนว่ามีการเน้นเรื่อง
“เชื้อชาติ” อย่างกว้างขวางแล้ว
ก่อนที่หลวงวิจิตรวาทการและจอมพล ป. พิบูลสงครามจะทำให้ความคิดที่ว่า
“ชาติไทย” เป็นชาติของ “คนเชื้อชาติไทย” กลายเป็นความคิดที่ครอบงำคนไทยอย่างลึกซึ้งและกว้างขวางยิ่งขึ้น
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น